วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

จ่าหน้าซอง

เพื่อนๆงงล่ะสิว่าฉันจะจ่าหน้าซองทำไม หรือว่าฉันจะพล่ามอะไรเรื่องจดหมาย หรือว่า ฉันจะพล่ามเกี่ยวกับยศของตำรวจ (จ่า 555 บวก ตลกแล๊ะ - -") ที่ฉันบอกมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ แต่ที่ตั้งชื่อนี้เพราะว่า ครั้งนี้ฉันเอาคำพูดของ พี่แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่พี่แสตมป์ได้ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการนึงที่ฉันนั่งดูตอนกลางดึกคืนหนึ่ง ครั้งนั้นพิธีกรรายการถามพี่แสตมป์ว่าอะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล๊ะ แล้วพี่แสตมป์ก็ตอบว่า

"เส้นทางชีวิตของคนเรามีทั้งที่เป็นเส้นตรง(ทำท่าเอามือสองข้างหันหน้ามือเข้าหากันเป็นแนวขนานกัน) และเป็นเส้นโค้ง(มือท่าเดิมแต่หักข้อมือไปทางซ้าย) ดังนั้นเราจึงไม่สามารถกำหนดเส้นทางเดินชีวิตได้ แต่ เราสามารถกำหนดจุดหมายได้"

ฟังแค่ั่นั้นแหละ คืนนั้นฉันปริ่มมาก เหมือนได้ข้อคิดมาเพิ่มในพจนานุกรมของฉัน เพื่อฉันจะนำมาเป็นแรงผลักดันให้ฉันพุ่งไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น โดยไม่สนใจระยะทาง เพื่อไปหา จุด-มุ่ง-หมาย ...FIGHTING...

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เกียรติ

ขงจื้อ....อื้อ หือ

อยู่ดีๆก็นึกถึงขงจื้อ จากตำนานสามก๊ก เพราะรู้สึกว่าท่านเป็นคนที่ให้คำสอนมากมาย เลยยกตัวอย่างคำสอนของท่านเรื่องการให้เกียรติ เพราะปัจจุบันนี้มนุษย์ในสังคมขาดการให้เกียรติกัน เด็กไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ นักเรียนไม่ให้เกียรติอาจารย์ ผูั้ชายไม่ให้เกียรติผู้หญิง เห็นแล้วเหนื่อย :-(

ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด

ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น            

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

ยิ่งบ่นยิ่งเบื่อ....ยิ่งเบื่อยิ่งบ่น

  อยู่บ้าน   ฟังแม่บ่น
  อยู่โรงเรียน  ฟังครูบ่น
  อยู่ตลาด  ฟังแม่ค้าบ่น
  เข้าเฟสบุ๊ก   มีแต่คนบ่นลงสเตตัส
  ไปหาเพื่อน  มันก็บ่นให้ฟังอีก - -"

           ....สุดท้าย ก็มานั่งบ่นกับตัวเอง

            >>>>เบื่อ<<<<

หลายคนคุ้นเคยและรู้จักกับคำว่า"บ่น" ซึ่งหมายถึง อาการจู้จี้ จุกจิก การว่ากล่าว การพร่ำว่า
และแน่นอนต้องรู้สึกรำคาญเมื่อมีคนมาบ่นให้เราฟัง แต่จะมีใครรู้บ้างว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงเกิดอาการที่เรียกว่า "บ่น"

1) เป็นห่วง เลยบ่นไปเพื่อให้คนฟังคิดตาม แต่ร้อยๆทั้งร้อยก็ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
2) เครียด   ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง เลยบ่นไปก่อน
3) ไม่ชอบใจ  เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาก็มานั่งบ่นหาว่าคนนั้นอย่างงี้ คนนี้อย่างโ้น้น ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปซะหมด

ถือได้ว่าการบ่นเป็นการปลดปล่อยความเครียด ความทุกข์ได้วิธีหนึ่ง แต่คุณควรเลือกที่จะไปบ่นให้ใครฟัง ถ้าไปบ่นกับคนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีละก็ คุณอาจจะโดนบ่น แทน

      การที่บ่นด้วยเรื่องที่มีสาระ ถ้าเราเป็นคนบ่น ก็ควรบ่นด้วยความอ่อนโยน อาจมีมุกตลกเชิงเปรียบเทียบให้คนฟัง และไม่ควรบ่นเรื่องเดิมๆบ่อยๆ ควรเว้นช่วงแล้วค่อยบ่นต่อ
      แต่ถ้าเราเป็นคนฟัง เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากมานั่งฟังคนอื่นบ่นเราหรอกใช่มั๊ย? แต่ให้เรานึกว่า สิ่งที่คนๆหนึ่งบ่นนั้น อาจเป็นสิ่งที่เราทำพลาดควรแก้ไข แต่ไม่ควรไปเถียงกลับ ถ้าหากไม่อยากฟังก็ทำหูทวนลมไป




 

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

ฉัน เริ่มแล้ว......ยัง?

      เมื่อฉันจะทำอะไรซักอย่าง
              มักบอกกับตัวเองว่าจะทำ แต่ก็ ไม่ได้ทำ
              เพราะมัวแต่เดี๋ยวก่อน อีกแป๊บนึง ประเี๋ดี๋ยวๆทำชัวร์ แล้วทำตัวไร้สาระต่อ
              เมื่อผลของเหตุการณ์มาถึง ก็มานั่งเสียใจ เสียดายเวลาที่เสียไป
   
      ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องเปลี่ยนจากคำว่า "จะทำ" เป็น "ต้องทำ" เดี๋ยวนี้ !

      แล้วฉันจะเริ่มทำมันเมื่อไหร่ดี? พรุ่งนี้ดีกว่า  ^^

                                                           .......สุดท้ายก็เหมือนเดิม _ _"


      โอม.....ขี้เกียจจงออกไป จงออกไป จงออกไป เพี้ยง !!   
                          

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

9 แรกที่ยาวกว่าก้าวอื่นๆ ^^

         '' การเรียนเหมือนเดินขึ้นบันได บางคนเดินขึ้นบันไดทีละสองขั้น ในขณะที่บางคนก้าวทีละขั้น แน่นอนก้าวสองขั้นย่อมนำไปสู่จุดหมายที่รวดเร็วกว่า แต่ถ้าหากว่าเราก้าวพลาด แล้วตกบันได คนที่ก้าวทีสองขั้นย่อมเจ็บกว่าคนที่ก้าวทีละขั้น "  คำพูดของเพื่อนในคาบภาษาไทย
         ทำให้ฉันฉุกคิดได้เหมือนกันว่า บางครั้งการที่เราก้าวสองขั้นแล้วพลัดตกลงมาเจ็บกว่าคนที่ก้าวทีละขั้นก็จริง แต่แน่นอนประสบการณ์ที่ได้รับนั้นย่อมมากกว่าด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครอยากได้อะไรแบบก้าวกระโดดหรอกจริงมั๊ย? แต่ยังไงก็สุดแล้วแต่การที่เราไม่ก้าวพลาดตกลงมานั้นย่อมดีที่้สุด ดังนั้นเราจึงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อวันข้างหน้า